ภาษา

บทความเพื่อสุขภาพ

ค้นหาบทความ

เมื่อเชื้อดื้อยา คือภัยร้ายแรง

เมื่อเชื้อดื้อยา คือภัยร้ายแรง ทุก 15 นาที มีคนไทยตาย 1 คน

การดื้อยาเกิดได้อย่างไร

ร่างกายคนเรามีแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่มากมายและเราก้ได้รับแบคทีเรียตัวร้ายจากภายนอกมาจู่โจมเราทำให้เกิดโรค

ยาต้านแบคทีเรียที่กินเข้าไปสามารถกำจัดแบคทีเรียทั้งที่เป็นแบคทีเรียมีประโยชน์และเป็นโทษต่อร่างกายแต่ไม่มียาชนิดใดที่กำจัดแบคทีเรียได้หมดสิ้นทุกชนิด

แบคทีเรียที่รอดชีวิตกลับมาสร้างตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นกลายเป็นเชื้อดื้อยาพร้อมทั้งเพิ่มจำนวนมากขึ้นหรือแพร่สารพันธุกรรมไปสู่เชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์อื่นได้

เมื่อพัฒนาไปเรื่อยๆจากการได้รับยาปฏิชีวนะที่ไม่จำเป็นหรือขนาดที่ไม่เหมาะสมในที่สุดแบคทีเรียเหล่านี้จะกลายเป็น SUPERBUG หรือเชื้อแบคทีเรียที่รักษาได้ยากหรืออาจไม่มียารักษาเลย

 

เชื้อดื้อยาสะเทือนวงการแพทย์

เมื่อแบคทีเรียพัฒนาได้เร็วกว่ายาปฏิชีวนะ ยาที่ใช้ได้ผลกับใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป โลกเรากำลังเดินทาง "ยุคหลังยาปฏิชีวนะ" (Post-antibiotic era) ที่อาจนำไปสู่การล่มสลายทางการแพทย์โดยเฉพาะการรักษาซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น การผ่าตัด การรักษาด้วยเคมีบำบัด ที่ต้องอาศัยยาฆ่าเชื้อในการป้องกันและรักษาการติดเชื้อ

 

ใช้ยาครั้งต่อไปท่องไว้ว่าเพื่อรักษาไม่ใช่ทำร้ายร่างกายใช้ยาปฏิชีวนะไม่ถูกโรคไม่ถูกวิธีสร้างเชื้อดื้อยาให้ตัวเอง

คุณเคยสงสัยมั้ยว่าเรากินยาเท่าไรโรคก็ไม่หาย เมื่อยาปฏิชีวนะที่กินเข้าไปกลับ "ทำร้าย" ร่างกาย นั่นอาจเป็นเพราะคุณกำลังมี เชื้อดื้อยา

เมื่อเป็นหวัด ท้องเสีย แผลสด คุณเคยกินยาปฏิชีวนะ เช่น ยาฆ่าเชื้อ หรือ ยาแก้อักเสบ ไหม ถ้าใช่........นี่คือเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรู้

เรื่องเร่งด่วนของโลก : ตายเพราะไม่มียารักษา

ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับปัญหาการดื้อยาต้านแบคทีเรีย หรือที่เรียกว่ายาปฏิชีวนะเพราะทำให้ประชาชนเสียชวิตจำนวนมาก และก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล

ที่สำคัญ ประเทศไทยมีประชากรน้อยกว่าสหรัฐอเมริกาและประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป แต่กลับมีอัตราผู้เสียชีวิตจากเชื้อแบคทีเรียดื้อยามากกว่าหากไม่เร่งแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2593 หรืออีก 34 ปีข้างหน้าการเสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาทั่วโลกจะสูงถึง 10 ล้านคน คิดเป็นผลกระทบสูงถึง 3.5 พันล้านล้านบาท

ในประเทศไทยพบว่าอัตราการเสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาประมาณปีละ 20,000-38,000 คน

ผู้ป่วยต้องนอนโรงพยาบาล นานกว่าปกติ คิดเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกืจถึงปีละ 46,000 ล้านบาท มากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดและจากอุบัติเหตุ